เคยรู้ผ่านๆ ว่า ก่อนจะเป็นหนังเคยเป็นของเล่นมาก่อน จำยี่ห้อไม่ได้ แล้วก็เคยเป็นหนังสือการ์ตูน แล้วก็ตามเคยครับมาเป็นหนังให้เราได้ดูกันนี่ล่ะ หนังเรื่องนี้พูดถึงฝ่ายธรรมะ และอธรรม ครับ เนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนมากมาย แต่จะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่บ้างก็คือปมของตัวละคร แค่นั้นเอง ไม่ต้องเดากันก็รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ เหตุผลที่ต้องมาไล่ล่ากัน ก็คือ นาโนไมท์ เป็นอาวุธสุดไฮเทค ที่ผลิตโดย บริษัทมาร์ส คือฝ่ายอธรรม นั่นแหละ ซึ่งบริษัทนี้ร่วมแผนร้ายกับกลุ่ม คอบร้า ก็อธรรมร่วมมือกับอธรรม ส่วนฝ่ายดีทายสิ ก็หน่วย G.I. Joe ไงล่ะครับ หนังพูดถึงความน่ากลัวของสงคราม นั่นคือเมื่อคนเรากลัวกันเองก็ต้องหาอาวุธที่ตัวเองคิดว่าเจ๋งกว่า ไฮเทคกว่ามาครอบครองเป็นของตัวเอง ซึ่งนั่นก็เป็นผลประโยชน์ให้กับบริษัทที่ผลิตอาวุธอยู่แล้ว หนังก็เปิดตัวพระเอกดุ๊ก รับบทโดย แชนนิ่ง ทาทั่ม จาก Step Up นั่นเองมาคราวนี้หล่อเข้ม ร่างกายดูล่ำบึ๊กขึ้นด้วย จากหน้าใสๆ ที่เราเคยเห็น พร้อมคู่หู ทริปคอร์ค ที่จำกันได้จากหนังตลกตระกูลเวย์นส์หลายๆ เรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เล่นหนังแอ๊กชั่นแนวไฮเทคกับเค้านะคนนี้ ผมพูดถึง มาร์ลอน เวย์นส มาอยู่ในหนังแนวนี้แต่พี่แกยังแอบฮานะ ขโมยซีนได้หลายฉากอยู่ ตอนแรกทั้งสองหนุ่มก็ไม่ได้เป็นชมาชิก G.I. Joe กับเค้าหรอกแต่โดนเรียกตัวจาก นายพลฮอว์ค รับบทโดย เดนนิส เคว็ด คนนี้ก็เล่นหนังบ่อย ซึ่งหน้าตาและการแสดงเหมือนจะมาก๊อปปี้เดียวกันทุกเรื่องนะ แล้วทั้ง 2 หนุ่มก็เข้าร่วมกับฝ่ายธรรมะ และหนังก็เปิดตัวฝ่ายธรรมมะที่เหลือ ที่อยู่ในหน่วยก่อนหน้าคือ สการ์เล็ตต์ ( เรเซล นิโคลส์ ) คนนี้สวยมองเพลินดีนะ หน้าตามีความมั่นใจในตัวเองสูง ดูฉลาดๆ แล้วก็โดน ทริปคอร์ด คอยตามจีบ น่ารักดีครับ และสเนกอายส์ นินจาดำ รับบทโดย เรย์ปาร์ก คนนี้เล่น Star War เป็น ดาร์ธ มอล ใน Episode I ด้วยนะ แต่ครั้งนั้นแต่งหน้าเล่นงิ้วแดงดำ มาครั้งนี้หนักกว่าสวมหน้ากากคลุมหมดเลย ไม่พูดไม่จาด้วย แล้วจะพูดถึงไงดี เอาเป็นว่าฉากต่อสู้พี่แกเท่แล้วกันนะ
หนังก็มาพร้อมฉากไล่ล่า ช่วงชิงสุดมันส์และตระการตากับฉากใหญ่ๆ หลายๆ ฉาก หนังของซอมเมอร์สเรื่องนี้เทคนิคเอฟเฟคดีขึ้นกว่า Van Helsing เพราะเรื่องนั้น เอฟเฟคมันดูหลอกตาไปหน่อย แต่มีบางฉากนะที่หลอกตาผมเหมือนกัน เช่นฉากหนีด้วยเป้ติดเครื่องเจ็ทของ บารอนเนส และมีหลายฉากที่ดูไม่เนียนบ้าง แต่คงไม่ต้องไปเทียบกับ Transformers ทั้งสองภาคนะผมว่าเรื่องนี้เนียนไม่ถึงขนาดนั้น ซอมเมอร์สยังมีอารมส์เล่นสนุกับหนังตัวเองเช่นเดิม The Mummy Return ซอมเมอร์สเล่นกับฉากเดิมๆ ในภาคแรกซะหลายฉาก ทำไมไม่ยอมเปลี่ยนบ้างนะ มา G.I. Joe พี่ท่านก็เล่นนะ เอาบทรับเชิญให้ เบรนแดน เฟรเซอร์ ซะหน่อย แว๊บๆ พอสนุกๆ ผู้ชมบางท่านอาจสนุก บางท่านอาจจะรำคาญอารมณ์นึกสนุกพี่ท่านบ้างนะ เล่นได้ทุกเรื่อง ไอ้อาวุธ ของพี่นี่ก็นะ เหมือนแมลงกินคนใน The Mummy จังเลย และก็มีทะเลทรายมีปิรามิด มีอูฐ ยิ่งเหมือนมี อิมโฮเทม อยู่ด้วยนะ มันมีกลิ่นอายในความเป็นคนขี้เล่นของ ซอมเมอร์ส ออกมาเสมอ ถ้าให้ไปลองกำกับดราม่าจริงจัง และเล่นอีกมั้ยนะคนนี้
สรุปหนังดูสนุกนะครับ มันส์ดี ไม่ต้องคิดไรมากมาย แก้เครียดได้ดีนักแลสำหรับคอแอ๊กชั่นนะ ส่วนคนที่อยากดูอะไรมากกว่านั้นนิดก็มีอารมณ์ขำๆ บ้างตามสไตล์ ซอมเมอร์ส ส่วนเรื่องความรักก็มีให้เห็นและลุ้นดีไม่แพ้ฉากแอ๊กชั่น นะอันนี้คอนเฟิร์ม แต่ไม่ถึงกับโรแมนติกมากมาย มันไม่ใช่หนังโรแมนติก ไปดูกันเองล่ะกัน แต่จะดูรอบสองแล้วหลับมั้ยเอาเป็นว่าเป็น DVD ค่อยว่ากัน แต่ดูรอบแรกสนุกกว่า The Mummy Return และ Van Helsing เยอะ
คะแนนนะครับให้เป็น 8 เต็ม 10 นะ ไม่มีมาตรฐาน ISO อะไรมาวัดนะครับ มันคือความชอบส่วนตัวผมเอง
ขอขอบคุณคำวิจารณ์จากคุณ navy_tuatoh (kratookfilm.com)
0 comments:
Post a Comment